บ้าน ที่ต้องเจอกับความชื้นทุกๆวัน อาจทำให้เกิดรอยดำ และเชื้อราในบ้าน ยิ่งบ้านไหนมีรอยร้าว หลังคาเกิดการรั่วซึม รางน้ำอุดตันน้ำไม่ได้ระบาย ยิ่งเสี่ยงต่อการเกิดความเสียหาย หากมีการแก้ไขที่ล่าช้า จะส่งผลกระทบบานปลายขึ้นเรื่อยๆ วันนี้รวบรวมสิ่งที่ควรตรวจสอบและเช็คการเตรียมบ้านให้พร้อม เพื่อรับมือกับหน้าฝนได้อย่างมีประสิทธิภาพมาฝากกันค่ะ
1.ตรวจเช็ครอยรั่ว 3 จุดใหญ่ของบ้าน
หลังคา ฝ้าเพดาน และผนังบ้าน 3จุดสำคัญหลักๆ ที่เมื่อเกิดการร้าว รั่ว หรือซึม จะเกิดปัญหากับบ้านอย่างแน่นอน บางจุดเกิดปัญหาใหญ่ ก็เห็นได้ชันเจน แต่บางจุดเล็กๆ ที่ถูกละเลยอาจลุกลามเป็นปัญหาใหญ่ๆได้ จึงต้องหมั่นสังเกตว่ามีสัญญาณอันตรายหรือไม่ เช่น ฝ้าเพดานมีคราบรอยน้ำหยดหรือซึมเป็นดวงสีน้ำตาล ผนังบ้านตรงไหนมีรอยแตกร้าว เกิดรูรั่วตามรอยต่อหรือไม่ เป็นต้น หากพบจุดที่เสียหายไม่มากก็อาจจะซ่อมแซมด้วยตัวเองด้วยวัสดุอุดรูรั่ว กันซึมประเภทอะคลิริค ซีเมนต์ หรือซิลิโคน แล้วแต่ชนิดของปัญหา หรือให้ช่างผู้เชี่ยวชาญเข้ามาช่วย ที่สำคัญอย่าลืมตรวจดูน้ำรั่วซึมตามขอบวงกบประตูหน้าต่าง ผนังภายนอก และพื้นดาดฟ้าด้วยนะคะ
2.ดูแลทำความสะอาดรางระบายน้ำ รางน้ำฝน
ทางระบายน้ำไม่ว่าจะเป็นรางน้ำฝนหรือท่อระบายน้ำทิ้งออกจากตัวบ้าน ตรวจเช็คทำความสะอาดเพื่อไม่ให้มีสิ่งอุดตันมาขวางทางไหลของน้ำ เมื่อน้ำฝนไหลลงมาจากหลังคาสู่รางน้ำลงท่อระบายน้ำก็จะไหลออกจากตัวบ้านได้อย่างรวดเร็ว ป้องกันปัญหาน้ำไหลย้อนเข้าไปรั่วซึมภายในบ้านหรือท่วมขังรอบตัวบ้าน ซึ่งจะทำให้โครงสร้างส่วนนอกเปียกชื้น โดยเฉพาะส่วนฐานรากของตัวบ้านที่จะดูดซับความชื้นจากใต้ดินอาจทำให้ตัวบ้านเสียหายได้ค่ะ
3.ขัดพื้นบริเวณระเบียง ทางเดิน
หลังฝนตกชุกติดต่อกันหลายวัน เรามักจะพบคราบตพไคร่สีเขียวเกาะติดอยู่บนพื้นภายนอก หรือดินโคลนลื่นๆ บริเวณระเบียงกลางแจ้ง ทางเดินในสวน ทางเดินรอบตัวบ้าน หมั่นตรวจเช็คดูว่าตะไคร่น้ำหรือเชื้อราอยู่บริเวณพื้นหรือไม่ ถ้ามีให้ทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อราและกำจัดตะไคร่น้ำสูตรน้ำ นำแปรงมาขัดล้างออก เพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากการลื่นล้ม
4.ตัดแต่งกิ่งต้นไม้ใหญ่ใกล้ๆบ้าน
แม้ต้นไม้จะให้ร่มเงาที่เย็นสบายในช่วงฤดูร้อน แต่อาจส่งผลอันตรายได้ในฤดูฝน ด้วยพายุลมกรรโชกแรงมักส่งผลให้กิ่งไม้แตกหักล้มทับตัวบ้าน ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายได้ เมื่อเข้าสู่หน้าฝนควรตัดแต่งกิ่งไม้ให้ดูโปร่ง ไม่ให้มีพุ่มใหญ่หนาจนเกินไป นอกจากนี้ควรต้องดูแลสวนไม่ให้มีน้ำขัง หญ้าไม่รก เพราะอาจเป็นที่ซ่อนตัวของสัตว์มีพิษและที่อยู่ของยุงลายได้
5.เช็คปลั๊กไฟ โคมไฟ กลางแจ้ง
จุดนี้สำคัญมาก บ้านบางหลังที่มีความจำเป็นต้องต้อสายไฟ ปลั๊กไฟนอกบ้าน จึงควรยกปลั๊กให้สูงจากพื้นบ้าน และระดับที่น้ำท่วมถึง ตรวจเช็คระบบไฟฟ้าและบริเวณปลั๊กไฟที่อยู่ในจุดเสี่ยงว่ามีการรั่วของไฟหรือไม่ และทำฝาปิดครอบให้แน่นหนาเพื่อป้องกันละอองน้ำฝน หรือเปลี่ยนไปใช้ปลั๊กแบบที่มีฝาเปิด-ปิด
6.ซ่อมแซมอุปกรณ์ฟิตติ้งในบ้า
หน้าฝนประตูหน้าต่างที่ทำจากไม้จะขยายตัวทำให้ประตูฝืดๆ และความชื้นจะทำให้อุปกรณ์ฟิงติ้งประเภทต่างๆ เป็นสนิมจนทำให้ฝืดและเกิดเสียงดังจนน่ารำครญได้ รูกุญแจ ลูกบิดก็ใช้งานได้ยากขึ้น วิธีแก้ไขคือใช้ผ้าแห้ง เช็คอุปกรณ์และวัสดุที่จะซ่อมแซม จากนั้นใช้น้ำมันจักรน้ำมันหล่อลื่นสารพัดประโยชน์มาชโลม ฉีด พ่น ตามจุดรอยต่อ บานพับประตู หน้าต่าง แต่ทั้งนี้ต้องแน่ใจว่าจุดดังกล่าวแห้งแล้วจริงๆ ค่อยใส่น้ำมัน และไม่ควรใช้จารบีอัดเข้าไปเพราะอาจจะทำให้น้ำที่ยังขังอยู่ภายในไม่สามารถระเหยออกได้
7.เตรียมพร้อมสำหรับจุดอื่นๆ ในบ้านและสวน
เช่น ทาสีย้อมไม้กันน้ำเคลือบเนื้อไม้ที่อยู่กลางแจ้ง เพื่อป้องกันน้ำฝนซึมเข้าไปในเนื้อไม้ ไม้บริเวณนั้นอาจเสียหายจนอาจจะต้องเปลี่ยนใหม่ กำจัดรังมดและแมลงที่ชอบหนีน้ำเข้ามาอยู่ในบ้าน ยกต้นไม้ที่ไม่ชอบน้ำมากเข้ามาอยู่ในเขตที่ไม่โดนน้ำฝนมากเกินไป
บริหารจัดการอาคาร: จุดเช็คบ้าน เตรียมรับมือหน้าฝน อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://snss.co.th/dt_post/technical-services/